ข้อ 7 การกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด

                ปัจจุบันคนไทยนิยมกินอาหารรสจัดและใช้เครื่องปรุงรสกันมาก เมื่อเทียบกับอาหารการกินของชาติอื่นๆ เครื่องปรุงรส ทำให้อาหารอร่อย  มีรสชาติ  เกิดความพึงพอใจต่อผู้บริโภค แต่ถ้ากินอาหารรสจัดมากจนเกินไปจนเป็นนิสัยจะทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้  รสอาหารที่มักเป็นปัญหาและก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายมาก  คือ  รสหวานจัดและเค็มจัด  รสหวานเป็นรสที่คนทั่วไปชอบ  แม้อาหารคาวก็ยังมีการเติมรสหวานทั้งๆ ที่มีโอกาสที่จะได้รับรสหวานจากผลไม้ และขนมหวานอื่นๆ ซึ่มีให้เลือกมากมายหลายชนิด  อาหารที่กินประจำวันไม่ว่าจะเป็นกับข้าวหรือขนมก็ใส่น้ำตาลเพื่อเพิ่มรสให้อาหารอยู่แล้ว  และยังมีน้ำตาลแฝงมากับอาหารฟุ่มเฟือยอื่นๆ  ที่ไม่ให้ประโยชน์อะไรแก่ร่างกายด้วย  คือ  น้ำหวาน  น้ำอัดลม ลูกอม  ลูกกวาด  ท๊อฟฟี่ เยลลี่ น้ำเชื่อม  ตลอดจนการใช้น้ำตาลเติมน้ำชา กาแฟ โอวัลติน  ทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากพลังงานที่ได้จากอาหารในแต่ละมื้อ  




การได้รับความหวานจากอาหารดังกล่าวอีกก็จะได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น  ในเด็กหากกินรสหวานมากจะทำให้ความอยากอาหารลดลง  เบื่ออาหาร ถ้าได้รับน้ำตาลจากท๊อฟฟี่  ลูกกวาด เยลลี่ จะทำให้ฟันผุเร็วขึ้น ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการกินน้ำตาล  อย่าให้พร่ำเพรื่อ ควรจำกัดพลังงานที่ได้จากน้ำตาลในแต่ละวันอย่างมากสุดไม่เกิน ร้อยละ 10 ของพลังงานที่ได้รับจากอาหารทั้งหมดและไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 40-55 กรัม หรือมากกว่า 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน เพราะพลังงานที่ได้จากน้ำตาลส่วนเกิน  จะไปเก็บสะสมไว้ในร่างกาย  หากได้รับเป็นประจำมีแนวโน้มว่า  จะเป็นโรคอ้วนได้



                รสเค็มในอาหารไทย ได้จากการเติมน้ำปลาและการใช้เกลือโซเดียมหรือเรียกกันทั่วๆ ไปว่าเกลือแกง  เกลือแกงเป็นตัวหลักของสารที่ให้ความเค็มของเครื่องปรุงรสที่ให้รสเค็มที่นิยมใช้กัน  คือ  ซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เต้าเจี้ยว และยังใช้ในการถนอมอาหารประเภทหมักดอง  ทำให้เก็บอาหารไว้กินได้นานขึ้น เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง ไข่เค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม เนื้อเค็ม เต้าเจี้ยว เป็นต้น นอกจากนี้เกลือโซเดียมยังแฝงมากับอาหารอื่นอีก  เช่น  ขนมอบกรอบ ขนมขบเคี้ยว ขนมอบฟูแบบฝรั่ง  และผงชูรสที่ใช้ในการปรุงอาหาร  การกินอาหารรสเค็มจัดที่ได้จากเกลือโซเดียมหรือเกลือแกงมากกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือมากกว่า 1 ช้อนชาขึ้นไป จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง  ซึ่งจะยิ่งสูงขึ้น  เมื่อมีอายุขึ้น  โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยชอบกินผัก ผลไม้  หรือกินน้อย  กินอาหารรสเค็มจัด มีโอกาสเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารด้วย
                ดังนั้น การกินอาหารรสไม่จัด จึงเป็นผลดีต่อสุขภาพ  ควรลดการเติมเครื่องปรุงรสที่ไม่จำเป็น  และหันมากินอาหารแบบไทยเดิมของเราที่มีรสกลมกล่อมละมุนละไม  มีผักสมุนไพร  และกับข้าวที่เป็นเครื่องเคียงทั้งที่ทำจากเนื้อสัตว์  และผักต่างๆ ทำให้ได้รับอาหารสมดุลย์ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น