แม้ว่าอนุมูลอิสระนั้นจะมีความน่ากลัวเพียงใด
แต่ยุคปัจจุบันได้มีการศึกษาค้นคว้าจนพบสารที่จะมาต้านทานวายร้ายตัวนี้ได้แล้ว ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า
“สารต่อต้านอนุมูลอิสระ” (Antioxidant) สารดังกล่าว
เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ
หรือทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ
ซึ่งปกติอนุมูลอิสระมีความไวต่อการเข้าทำปฏิกิริยาต่อโมเลกุลอื่นๆ เช่น โครโมโซม
โปรตีน กรดอะมิโนและเอนไซม์ ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น วิตามินอี วิตามินซี
และกลูตาไทโอน เป็นต้น สิ่งที่ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั้น
ยกตัวอย่างเช่น วิตามินอี วิตามินซี และกลูตาไทโอน เป็นต้น
การะบวนการนั้นจะเริ่มจากสารต่อต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้
จะทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ จะทำหน้าที่เป็นตัวให้อิเล็กตรอนแก่อนุมูลอิสระ
ส่งผลให้อนุมูลอิสระมีความคงตัวหรือเกิดความเสถียร ทำใหอนุมูลอิสระหมดความสามารถในการเข้าจับกับสารชีวโมเลกุลตัวอื่น
หากจะว่าไปแล้วตามปกติในเซลล์จะมีสารที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่แล้ว แต่ถ้ามีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมาก
หรือฤทธิ์การทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระมีน้อยก็จะทำให้มีสารอนุมูลอิสระไปทำอันตรายส่วนประกอบของเซลล์และเนื้อเยื่อที่สำคัญต่างๆ
ทั่วร่างกาย เกิดเป็นสารพิษที่สร้างความเสียหายให้ร่างกาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
วิธีแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ก์คือการเสริมสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกาย
ซึ่งในอดีตนิยมการกินอาหารเสริมในรูปแบบของแคลซูลหรือเป็นยาน้ำ ซึ่งจะมีราคาค่อยข้างแพงทีเดียว
แต่ในปัจจุบันได้มีการค้นคิดวิธีที่ง่ายและประหยัดกว่า
คือการให้สารต้านทานอนุมูลอิสระเข้าไปสู่ร่างกาย
ในรูปของสารอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน
โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของร่างกายให้สามารถทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
สารอาหารที่ว่านี้ เป็นสารอาหารที่หาง่าย
ซึ่งเราได้รับจากการรับประทานอาหารทั่วไป
เช่น วิตามินซี วิตามินอี บีตาคาราทีน แคโรทีนอยด์ ไบโอฟลาวานอยด์ เป็นต้น
สารเหล่านี้จะไปทำให้เกิดความสมดุลขึ้นกับโครงสร้างของอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนเรา ซึ่งสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีและเป็นที่รู้จักกันดี
มีอยู่ 3 กลุ่มดังต่อไปนี้
1.สารบีตาแคโรทีน (Betacarotene)
สารบีตาแคโรทีนนั้น
เป็นตัวที่ช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายให้มากยิ่งขึ้น เป็นสารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังเป็นตัวที่ป้องกันการกลายพันธุ์และเนื้องอกต่างๆ
รวมทั้งยังเป็นตัวที่ลดโอกาสในการเกิดโรคต้อกระจก โรคหัวใจ และมะเร็งอีกด้วย
ซึ่งทางการแพทย์นั้นแนะนำให้กินสารบีตาแคโรทีนอย่างน้อย 4 ส่วนของอาหารที่ทานทั้งหมดต่อวัน เพื่อที่จะมีสุขภาพที่ดี
บีตาแคโรทีนมีสารสีส้มอยู่มาก
ในผักผลไม้ที่มีสีออกส้มหรือเหลือง อาทิเช่น มะม่วงสุก มะละกอ พริก มันเทศ แครอต
ฟักทอง นอกจากนี้ ยังพบได้มากในผักที่มีใบเขียวเข้ม จำพวกใบยอ ใบชะพลู ตำลึง
อีกด้วย
2. วิตามินซี
วิตามินซี
ถือว่าเป็นวิตามินตัวสำคัญที่ร่างกายขาดแคลนไม่ได้ ซึ่งมีประโยชน์อยู่หลายอย่าง
แต่นอกเหนือจากนั้นยังเป็นวิตามินที่มีสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ซึ่งในด้านของการเสริมสวยหรือบำรุงร่างกาย มักจะใช้วิตามินซีกันมาก ทั้งใช้ภายในโดยการทาน
และใช้ภายนอกโดยการทาหรือใช้พอกผิว
ขัดผิว ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี หากว่าทานและใช้เป็นเวลานานๆ
จะสามารถขับพิษในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ คะน้า
บร็อกโคลี เป็นต้น
ทางการแพทย์แนะนำเอาไว้ว่า คนเราควรได้รับวิตามินซีวันละ 60 มิลลิกรัม
เทียบเท่ากับการกินส้มเขียวหวานขนาดกลาง 1 ผล
หรือฝรั่งประมาณ ¼ ผลกลาง
นั่นถึงจะมีวิตามินซีเพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน
3. ซีลีเนียม
ชื่อของซีลีเนียมนั้น คงไม่เป็นที่คุ้นหูมากนัก
แต่ทางการแพทย์ต่างยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีทีเดียว
ซีลีเนียมเป็นเกลือแร่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสารการทำงานของเอนไซม์ระหว่างวิตามินอี
เอและซี ได้จากข้าวหอมแดง หอมใหญ่
กระเทียม ต้นหอม ต้นกรเทียม มะเขือเทศ และส่วนใหญ่จะพบมากในอาหารทะเล ไขแดง ตับ ไต
เนื้อสัตว์ และเครื่องในต่างๆ
การรับสารต้านอนุมูลอิสระนั้น
เหมาะสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย
ซึ่งควรได้รับสารต้านอนุมูลอิสระให้พอเพียงต่อความต้องการในแต่ละวัน
เพื่อให้เกิดความสมดุลในร่างกายระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระและอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น
แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระไม่สามารถแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว แต่สามารถชะลอให้ความเสียหายเกิดช้าลงได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น